4 วิธีไดเอทด้วยการ “กิน” ที่กำลังอินเทรนด์ คืออะไร เหมาะกับเลดี้คนไหนบ้าง?!
31 ส.ค. 2564 by @ Sammy Ladymonster
693
ถูกอ่าน

มีเลดี้คนไหนกำลังอยากลดน้ำหนัก ดูแลรูปร่างกันอยู่มั้ยคะ? เชื่อว่าน่าจะเคยลองกันมาหลายวิธีแล้ว เห็นผลบ้าง ไม่เห็นผลบ้าง บางคนอาจจะท้อไปแล้ว ใจเย็นๆนะคะ มาทางนี้ก่อนค่ะ นอกจากทุกอย่างจะต้องใช้เวลาแล้ว ยังต้องใช้วิธีการที่เหมาะกับตัวเราด้วยนะ ร่างกายคนเราแตกต่างกัน ไลฟ์สไตล์ของเราก็ต่างกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้วิธีไดเอทที่ต่างกันด้วยจริงมั้ยคะ วันนี้เลดี้มอนสเตอร์มี 4 วิธีไดเอทด้วยการ “กิน” มาฝากกันค่ะ มาดูกันว่าต้องกินอะไร กินแบบไหน และเหมาะกับใครบ้าง

 

- IF หรือ Intermittent Fasting -

IF คืออะไร?

วิธีการลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting นี้เป็นที่นิยมกันทั่วโลกมาเป็นสิบปีแล้วค่ะ และปัจจุบันก็เป็นวิธีที่นิยมมากๆสำหรับคนรุ่นใหม่ มันคือการจำกัดเวลาในการกินอาหาร และอดอาหารในแต่ละวัน ในช่วงที่เราอด ร่างกายก็จะดึงไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้ โดยจะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ

  • ช่วงอด (Fasting)
  • ช่วงกิน (Feeding)

IF กินยังไง?

การกิน IF มีอยู่ 6 วิธี 

1. Lean Gains เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด จะเป็นการกินอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง ในช่วงแรกอาจจะเริ่มจากการกินอาหาร 10 ชั่วโมง และอดอาหาร 14 ชั่วโมงก่อน แล้วค่อยๆ ปรับชั่วโมงการอดให้มากขึ้น โดยเราสามารถเลือกช่วงเวลาให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราได้ค่ะ

2. Fast 5 เป็นการกินอาหารเพียงแค่ 5 ชั่วโมง และอดอาหาร 19 ชั่วโมง ซึ่งก็จะหนักขึ้นมาอีกหน่อยค่ะ

3. Eat Stop Eat วิธีนี้จะเป็นการอดอาหารตลอด 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่เลดี้มอนสเตอร์แนะนำว่าวิธีนี้ไม่เหมาะกับมือใหม่ซักเท่าไหร่ เพราะอาจส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน และในวันที่ไม่ได้อดเราอาจจะกลับมากินเยอะกว่าที่ร่างกายต้องการก็ได้ค่ะ

4. 5:2  จะเป็นการกินแบบปกติ 5 วัน และกินแบบ Fasting 2 วัน โดยที่ไม่ใช่การอดทั้งวัน แต่จะเป็นการกินน้อยลง โดยคือผู้ชายสามารถกินได้ 600 Kcal ส่วนผู้หญิงกินได้ 500 Kcal หรือก็คือประมาณ 1/4 ของ Kcal ที่ร่างกายต้องการต่อวันค่ะ

5. Warrior Diet เป็นการกิน 4 ชั่วโมง และอด 20 ชั่วโมง ก็คือกินแค่มื้อเดียวให้อิ่มนั่นแหละ เน้นกินพวกโปรตีนและผัก ในช่วงที่อดสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำได้ค่ะ

6. ADF หรือ Alternate Day Fasting เป็นการกินและอดอาหารแบบวันเว้นวัน คืออดอาหาร 1 วัน กินอาหาร 1 วัน สลับกันไปเรื่อยๆ ในวันที่อดสามารถกินอาหารแคลอรีต่ำในปริมาณน้อยๆได้ค่ะ

ข้อดี

  • ร่างกายมีช่วงที่เผาผลาญไขมันนานขึ้น
  • สุขภาพดีขึ้น ช่วยลดไขมันในเลือด
  • ความจำดีขึ้น ภูมิคุ้มกันดีขึ้น

ข้อเสีย

  • ช่วงที่อดจะต้องทนหิวเป็นเวลานานๆ
  • ช่วงแรกๆที่ทำ IF อาจมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง หรือสมองทำงานช้าลงไปบ้าง

IF เหมาะกับใคร?

การทำ IF เหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพในระยะยาว รวมถึงคนที่สามารถกำหนดเวลาการใช้ชีวิตของตัวเองได้ เพราะต้องกินและอดให้เป็นเวลาทุกวันถึงจะเห็นผล

 

- Ketogenic Diet -

Ketogenic Diet คืออะไร?

การลดน้ำหนักแบบ Ketogenic Diet คือ การกินแบบเน้นไขมันเยอะ โปรตีนปานกลาง และคาร์บน้อยที่สุด หรือบางคนก็ไม่กินคาร์บเลย พูดง่ายๆก็คือการ งดแป้ง งดน้ำตาล แล้วหันมากินไขมันและโปรตีนแทนค่ะ หลายคนอาจจะสงสัยว่า อ่าว! กินไขมันแล้วจะผอมได้ยังไง? ต้องบอกว่าโดยปกติแล้วร่างกายเราจะดึงพลังงานจากกลูโคสที่ได้จากแป้งและน้ำตาลมาใช้ ทีนี้พอเราไม่เอาแป้งกับน้ำตาลเข้าร่างกายแล้ว เจ้าร่างกายของเรามันก็จะเริ่มหาแหล่งพลังงานอื่นมาใช้แทน ซึ่งก็หนีไม่พ้น “ไขมัน” นั่นเองค่ะ ทีนี้แหละ เจ้าไขมันในร่างกายก็จะเริ่มถูกเผาผลาญไปเรื่อยๆนั่นเอง 

Ketogenic Diet กินยังไง?

การกินคีโตก็อย่างที่บอกเลยค่ะว่าต้องลดการกินแป้งและน้ำตาลแบบที่เอาเข้าร่างกายให้น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นพวกข้าว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารชุบแป้งทอด หรือน้ำหวานต่างๆก็คืองดได้งดเลย แล้วไปเน้นที่การกินไขมันดีเป็นหลัก และรองลงมาคือโปรตีนค่ะ พวกเนื้อสัตว์ติดมัน น้ำมันหมู อะโวคาโด เนย ชีส แซลมอน กินได้เต็มที่เลย

ข้อดี

  • วิธีนี้ลดน้ำหนักได้ค่อนข้างเร็ว ในช่วง 1-2 เดือนแรกจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดมาก
  • ร่างกายสามารถดึงพลังงานจากไขมันในร่างกายมาใช้ได้อย่างเต็มที่ 

ข้อเสีย

  • ถ้าไม่เลือกกินดีๆอาจเป็นการเพิ่มไขมันเลวในเลือดได้
  • ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องโรคตับ ไตเสื่อม อาจมีผลเสียในระยะยาวได้
  • ร่างกายอาจขาดสารอาหารบางชนิดได้

Ketogenic Diet เหมาะกับใคร?

วิธีนี้บอกเลยว่าเหมาะกับสายเนื้อสุดๆ คนที่ชอบกินเนื้อสัตว์ เนื้อติดมัน สเต็ก หมูย่าง ต่างๆจะต้องแฮปปี้กับวิธีนี้ แต่เลดี้สายเขียวชอบกินผักกินคลีนอาจต้องปรับตัวเยอะกันซักหน่อย และวิธีนี้ยังเหมาะกับคนใจร้อน ที่อยากผอมไว แต่ไม่ใส่ใจเรื่องโภชนาการซักเท่าไหร่ด้วย แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับคนสูงวัย 50ปี ขึ้นไปนะคะ อาจจะเกิดอาการวูบหน้ามืดได้

 

- Atkins Diet -

Atkins Diet คืออะไร?

วิธีนี้มาจากทฤษฎีของ Dr. Atkins ที่บอกว่าการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากๆ เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากกระบวนการจัดการคาร์โบไฮเดรตของร่างกาย ไม่ใช่ปริมาณไขมันที่รับประทานเข้าไป ดังนั้นหลักการของวิธีนี้จึงเป็นการจำกัดปริมาณของคาร์บที่กินเข้าไปนั่นเองค่ะ 

Atkins Diet กินยังไง?

 ดูๆแล้วอาจจะคล้ายกับวิธีการของคีโตใช่มั้ยคะ ที่ว่าให้กินคาร์บน้อยๆหรืองดแป้งกับน้ำตาลไปเลย แต่จะมีความแตกต่างอยู่ตรงที่ คีโตจะเน้นกินไขมันเป็นหลัก รองมาคือโปรตีน แต่ Atkins Diet จะเน้นไปที่การกินอาหารประเภทโปรตีนเป็นหลัก กินเนื้อสัตว์แบบเน้นๆไปได้เลยค่ะ สายเนื้อถูกใจสิ่งนี้แน่ๆ รองลงมาก็ยังกินไขมัน และผักผลไม้ต่างๆได้ด้วย เนย นม ไข่ ชีส จัดไปค่ะเลดี้ แต่ที่ต้องเลี่ยงเลยก็คือคาร์บพวก ข้าว แป้ง ขนมปังค่ะ 

ข้อดี

  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว เห็นผลตั้งแต่ช่วง 3-6 เดือนแรก
  • สามารถกินได้เต็มที่ ไม่ต้องอดอาหาร แค่เลือกกินให้เหมาะสม
  • ไม่มีภาวะอ่อนเพลีย ไม่กระทบกับชีวิตประจำวัน เนื่องจากไม่ได้อดอาหาร

ข้อเสีย

  • อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่างเช่น เบาหวาน อาจน้ำตาลตกได้

Atkins Diet เหมาะกับใคร?

แน่นอนว่าเหมาะกับคนที่ชอบกินเนื้อสัตว์ล่ะเนอะ แล้วก็เหมาะกับคนที่อยากลดน้ำหนักในระยะสั้นๆด้วยค่ะ เพราะวิธีนี้ลดเร็ว เห็นผลได้ตั้งแต่ช่วงเดือนแรกๆเลย 

 

- Paleo Diet -

Paleo Diet คืออะไร?

วิธีนี้พูดให้เข้าใจง่ายๆคือเป็นการไดเอทด้วยการกินแบบมนุษย์ยุคหิน มนุษย์ถ้ำ หรือช่วงประมาณ 2.5 ล้านถึง 10,000 ปีก่อน เป็นยุคที่ธรรมชาติมีอะไรมาให้ก็กินอย่างนั้น ยังไม่รู้จักแม้แต่การเพาะปลูก 

Paleo Diet กินยังไง?

การลดน้ำหนักด้วยการกินแบบ Paleo Diet นี้จะเน้นที่การกินอะไรที่ออแกนิค คลีนๆ ไม่ปรุง ไม่แปรรูป ก็คือการหวนคืนสู่ธรรมชาตินั่นเองค่ะ สิ่งที่กินได้ก็มีพวกเนื้อสัตว์ไม่ติดมันอย่างเช่น เนื้อปลา ไข่ ผลไม้ที่ไม่หวานมาก ธัญพืช ผัก ที่คาร์บไม่สูง น้ำมันมะกอกเป็นต้น

ข้อดี

  • ลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว 
  • กินได้แบบไม่ต้องนับแคล แต่ต้องเลือกกินให้ถูกหลัก Paleo Diet
  • ช่วยควบคุมระบบความดันโลหิต และระดับน้ำตาลในเลือด
  • สุขภาพดีขึ้นในระยะยาว

ข้อเสีย

  • การกินอาหารออร์แกนิคอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าอาหารปกติ
  • อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่างเช่น เบาหวาน อาจน้ำตาลตกได้ 

Paleo Diet เหมาะกับใคร?

เหมาะกับคนที่อยากกินอาหารที่หลากหลาย คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ชอบกินอาหารแบบไม่ปรุงแต่ง อาหารชีวจิตต่างๆ

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ 4 วิธีไดเอทด้วยการ “กิน” ที่เลดี้มอนสเตอร์นำมาฝากกันวันนี้ ทุกวิธีมีทั้งข้อดีข้อเสีย และเหมาะกับแต่ละคนต่างกันนะคะ เลดี้คนไหนที่กำลังอยากลดน้ำหนักดูแลสุขภาพก็เลือกไปทำกันดูน้า ได้ผลยังไงอย่าลืมมาแชร์กันบ้างนะคะ