ส่องชั้นหนังสือ #พสอ่าน หลังไลฟ์หลักแสนของพระมหาไพรวัลย์ อ่านเล่มไหนถึงจะปังได้แบบ พส !!
15 ก.ย. 2564 by @ 1234 5678
559
ถูกอ่าน

ปังมากค่ะ!! หมายถึง พส (ย่อมาจากพระสงฆ์) ไพรวัลย์ และ พส สมปอง ที่สร้างกระแสทำให้ชาวเน็ตแห่ไปดูไลฟ์ธรรมะถึงหลักแสนคนกันเลยทีเดียว หูยยย บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมากๆ แถมจะหยิบจับอะไรก็เป็นกระแส เพราะไม่ใช่แค่คำสอนธรรมะ และบรรยากาศการเทศน์ที่สนุกเฮฮาเท่านั้น ที่ทำให้เหล่าชาวเน็ตแห่กันไปดู แต่ของรอบๆตัว พส ก็ทำให้คนสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะชั้นหนังสือด้านหลังที่พี่เลดี้ตาดีแอบเห็นหนังสือน่าสนใจๆเยอะสุดๆไปเลยค่ะ

วันนี้เลยจะมาพาสาวๆเลดี้ไปอ่านหนังสือกันค่ะ 

มาดูกันว่าเล่มไหนที่อ่านแล้วจะปังตามรอย พส กันบ้างนะน้องนะ ^^ 

 

ทำความรู้จักก่อนอ่านกับ พส ไพรวัลย์ พระรุ่นใหม่ ดีกรี ปริญญาเอก สาขาวิชาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ

 

พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระลูกวัดสร้อยทอง ก่อนหน้านี้ มีชื่อเดิมว่า ไพรวัลย์ วรรณบุตร อายุ 29 ปี บวชเรียนตั้งแต่อายุ 12 ปี เรียนนักธรรมและบาลีจนถึงอายุ 18-19 ปี จบเปรียญธรรม 7 ประโยค จบนักธรรมเอก และเปรียญธรรม 9 ประโยค ซึ่งเป็นสามเณรเปรียญธรรม 9 ประโยครูปแรกของจังหวัดสุโขทัย แล้วเรียนต่อปริญญาโทพุทธศาสตร์ ของ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) และคณะนิติศาสตร์ รามฯ ขณะนี้เรียนปริญญาเอก สาขาวิชาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ

 

บอกแล้วว่า ประวัติ พส ไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ แน่นอนว่า หนังสือที่ พส อ่าน

ก็มีหลากหลายแนวและไม่ธรรมดาเหมือนกันค่ะ 

 

“ไปจำมาจากไหน ทำไมไม่เชื่อหลวงพี่”

 

 

ประเดิมเล่มแรกกับหนังสือที่ พส เขียนเอง ไฮไลท์ตัวโตๆเลยนะคะว่า เขียนโดย พระมหาไพรวัลย์ กับชื่อหนังสือเฮฮาอารมณ์ดีตามสไตล์ท่าน “ไปจำมาจากไหน ทำไมไม่เชื่อหลวงพี่” โดยในเล่มจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องความเชื่อของคนทั่วไปที่ข้องใจกับหลักปฏิบัติและความเชื่อของศาสนา ว่าทำไมกรวดน้ำต้องแตะตัว ตักบาตรต้องถอดรองเท้า, เรานั่งสมาธิกันไปเพื่ออะไร, ทำไมต้องบวช, ปล่อยสัตว์เป็นทานได้บุญหรือบาป, พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกใครบอกไว้, ไปจนถึง พระพุทธเจ้าเดินได้ 7 ก้าวจริงหรือไม่ มาร่วมหาคำตอบที่เข้าใจได้ง่ายกับข้อปฏิบัติของศาสนาพุทธในรูปแบบการ์ตูนอ่านสนุก แบบฉบับ พส ไพรวัลย์กันค่ะ

 

“มันทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ”


หนังสือจากผู้ต้องหา 112 ที่เขียนโดย ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ผู้ต้องโทษเรือนจำมาตรานี้จริงๆ เป็นหนังสือที่เขียนคล้ายกับบันทึกเรื่องเล่าชีวิตประจำวัน ผ่านมุมมองของเธอเองที่เป็นคนช่างสังเกต โดยเนื้อหาในเล่มจะเดินเรื่องแบบบทบรรยายชะตากรรมของนักโทษคดีต่างๆ รวมถึงตัวภรณ์ทิพย์เองขณะอยู่ในคุก พร้อมชวนเรามองภาพสลับไปมาระหว่างการกระทำผิดตามบทกฏหมาย และความเป็นมนุษย์ที่อยู่หลังเรือนจำ และเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่สามารถสะท้อนภาพสังคมไทยได้อย่างชัดเจน หลังอ่านเล่มนี้จบ จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งต่างๆได้มากขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย สุดท้าย มันก็ทำร้ายเราได้แค่นี้แหละ เหมาะอ่านเพื่อเข้าใจและเปิดมุมมองในชีวิตมากๆค่ะ

 

“In Conversation” 

 

 

หนังสือจากบทสทนาที่ยาวที่สุด โดย ใบพัด นบน้อม ซึ่งได้ทำการสัมภาษณ์และเรียบเรียงบุคคลจากหลากหลายวงการเพื่อชวนพวกเขาพูดคุย ตั้งคำถาม และแสวงหาคำตอบจากบทสทนา จนอาจจะเรียกได้ว่า บทสนทนาเกิดขึ้นจะพาพวกเราเข้าไปทำความรู้จักบางด้านของผู้ถูกสัมภาษณ์ที่เราเองอาจจะคาดไม่ทันถึงว่าบุคคลที่เราเจอหน้าผ่านสื่ออยู่บ่อยครั้ง จะมีรูปแบบของชีวิต หรือมีความลับบางประการที่เก็บซ่อนเอาไว้ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นช่วยให้เราเข้าใจและเห็นภาพในมิติที่ต่างออกไปของคนๆนั้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะมิติที่ทำให้เรารับรู้ได้ว่าพวกเขาก็เป็นคนคนหนึ่งของสังคมนี้เช่นกัน เป็นหนังสือที่ทั้งเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ของผู้สนทนาซึ่งน่าสนใจและหยิบมาอ่านในวันว่างๆไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ

 

“หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว”

 

 

แน่นอนว่า หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้ผ่านหูกันมาบ้าง เพราะแปลมาหลายภาษาทั่วโลก แม้แต่ในไทยก็ยังมีหลายสำนักพิมพ์ที่หยิบจับมาแปลกันหลากหลาย หนึ่งในความโดดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ จะไม่มีดราม่าแม้สักบรรทัดเดียวค่ะ สาวๆที่บ่อน้ำตาตื้นง่ายจึงอ่านได้สบายมากค่า และ การบรรยายแบบสัจนิยมมหัศจรรย์ (magical realism) ที่แทรกอยู่แทบจะทั้งเรื่อง อย่าง ฝนที่ตกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี หรือจะเป็นลมที่จู่ๆ ก็หอบเอาโฉมงามคนหนึ่งขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไป ทั้งหมดนี้ถ้าเกิดขึ้นในชีวิตประจำของเรา แน่นอนว่าเราคงสติแตกไปแล้ว แต่ตัวละครในเรื่องกลับยอมรับ และใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขราวกับว่านั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา เห็นว่าเร็วๆนี้ Netflix จะหยิบมาทำเป็นซีรีย์ บอกเลยว่า ไม่ควรพลาดอ่านเล่มนี้อย่างแรงค่ะ

 

“เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ”

ช้าก่อน นี่ไม่ใช่หนังสือวิชาสังคมศาสตร์นะคะ สาวๆ โอเค มันอาจจะสอดแทรกเรื่องของประวัติศาสตร์เล็กน้อย บวกกับมานุษยวิทยา ปรัชญา ชีววิทยา อะไรทำนองนั้น แต่ทั้งหมดก็ทำให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสืออีกเล่มที่โด่งดังและวางไม่ลงเลยค่ะ Sapiens เป็นหนังสือกึ่งประวัติศาสตร์กึ่งวิพากย์วินิจฉัยความเป็นมนุษย์ โดยจะบอกเล่าเรื่องราวของมนุษยชาติ หรือในที่นี้คือเผ่าพันธุ์ Homo sapiens ตั้งแต่จุดกำเนิดของสปีชีย์ ผ่านยุคสมัยต่างๆ จากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน อ่านเล่มนี้แล้วจะทำให้สาว เช่น ทำไมมนุษย์ถึงชอบกินของหวาน? ทำไมกระดาษธนบัตรจึงมีมูลค่า? ทำไมโลกนี้จึงมีศาสนา? เพราะหนังสือเล่มนี้จะเฉลยไว้ทั้งหมดและทำให้เราหันมองสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากขึ้นค่ะ

 

“บันทึกลับของ แอนน์ แฟรงค์”

 
 

เรื่องราวจากเรื่องจริงของเด็กหญิงที่มีตัวตนจริงๆและเขียนมันขึ้นมาเอง โดย แอนน์ แฟรงค์ เด็กหญิงชาวยิววัย 13 ปี ซึ่งถูกจับคุมขังในค่ายเอาชวินอันโด่งดังในสมัยของฮิตเลอร์ปกครอง เรื่องราวมันเริ่มขึ้นเมื่อเธอ ได้รับสมุดบันทึกเป็นของขวัญวันเกิดจากพ่อของเธอ แอนน์ตั้งชื่อมันว่า คิตตี้ และเริ่มแบ่งปันประสบการณ์ของเธอกับสมุดสีแดงขาวเล่มนี้เรื่อยมา ไม่ว่าจะก่อนถูกจับ การหลบซ่อนตัว ไปจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคุกที่คุมขังชาวยิวอันโหดร้าย แน่นอนว่า มันมีความโหดร้ายของสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์แฝงอยู่ แต่ก็ไม่ได้โหดเลือดสาดเต็มหน้าจอ เพราะ ลีลาการเขียนของแอนน์ ที่ทำให้มันคล้ายกับการอ่านบันเทิงคดีเล่มนึงค่ะ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงมีชื่อเสียงระดับโลกที่ควรค่าแก่การอ่านสักครั้งในชีวิตจริงๆค่ะ 

 

“ หญิงสาวผู้ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์ ”


 

เล่มสุดท้ายที่พี่เลดี้จะแนะนำ เกี่ยวกับฮิตเลอร์อีกแล้ว! โดยเล่มนี้นวนิยายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของ มาร์กอท เวิล์ค หนึ่งในหญิงสาวผู้เคยทำหน้าที่ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำหน้าที่ชิมอาหารให้ฮิตเลอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารที่กินเข้าไปไม่มีส่วนผสมของยาพิษ ทุกครั้งที่อาหารมาเสิร์ฟ นั่นคือช่วงนาทีความเป็นความตายของเธอ!หนังสือเล่มนี้ทำได้ดีในแง่ของการถ่ายทอดความรู้สึกของ การถูกลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ และ ความดำมืดของจิตใจคน ที่ยกยอว่าตัวเองว่าเป็นกลุ่มที่เหนือกว่า ในขณะที่คนอีกกลุ่มถูกจัดอยู่ในชนชั้นที่ต่ำกว่า ชีวิตไร้ค่า ไม่มีราคา และไม่มีความหมาย และแม้เรื่องราวจะดูหดหู่เล็กน้อยแต่ก็มีเรื่องราวของความรักมาทำให้นวนิยายเรื่องนี้น่าติดมากขึ้นค่ะ

 

ทั้งหมดนี่แค่น้ำจิ้มนะคะ บอกเลยว่า ในตู้หนังสือ พส มีอีกเยอะมว้าก! ใครสนใจลองเข้าไปส่องแท๊ก #พสอ่าน แล้วมากระซิบบอกต่อพี่เลดี้กันบ้างนะคะ /รับบทเป็นสาวนักอ่านแล้ว1 เพราะผู้หญิงอย่างเราจะสวยอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ ต้องฉลาดด้วย ต้องอ่านหนังสือ ต้องขวนขวายหาความรู้ ถึงจะปังได้แบบ พส นะคะ สาวๆขา