ชี้เป้า 9 วัดดังในกรุงเทพที่เหล่าคุณแม่คุณลูกสายธรรมมะห้ามพลาด!!
9 ส.ค. 2565 by @ Sammy Ladymonster
475
ถูกอ่าน

สวัสดีค่ะสาว ๆ ในวันแม่ที่ใกล้เข้ามานี้สาว ๆ มีแพลนจะพาคุณแม่ไปเที่ยวไหนกันบ้างคะ..หากพูดถึงวันแม่แห่งชาติ ก็เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ทำให้เราต้องหวนกลับมาระลึกถึงพระคุณของ แม่ ผู้ให้กำเนิด แม่ผู้เลี้ยงดู เพราะแม่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดในชีวิตคนหนึ่ง คือ บุคคลผู้ให้ชีวิต ผู้คอยคุ้มครอง ผู้มอบความอบอุ่น แม่ เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรที่คอยปกป้องลูกๆ ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ตลอดจนคอยผลักดันให้ลูกเกิดความสำเร็จในทุกๆ ด้าน เราควรแสดงถึงความรักและความห่วงใยถึงคุณแม่ไม่ใช่แค่วันแม่อย่างเดียว เราสามารถบอกรักคุณแม่ได้ทุกวันเลยค่ะ..

 

กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ลูก ๆ มักจะชวนคุณแม่ไปทำร่วมกันคงหนีไม่พ้นการพาคุณแม่ไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ หรือไม่ก็ทานมื้อพิเศษกับคุณแม่ใช่มั้ยคะ วันนี้พี่เลดี้จะมาแนะนำวัดสวย ๆ ในกรุงเทพทั้ง 9 วัดที่เหมาะกับการพาคุณแม่ไปกัน นอกจากจะได้ทำบุญ ทำทาน ทำจิตใจให้สงบแล้ว ยังได้รูปสวย ๆ อัพลงโซเชียลอีกด้วย จะมีวัดไหนกันบ้าง…ไปดูกันค่ะ…

 

1. วัดพระแก้ว หรือ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

Temple of the Emerald Buddha, Bangkok, Thailand

ที่มา: https://travel.kapook.com/view1024.html

 

วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว เป็นพระอารามที่สร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างพระบรมมหาราชวัง มีความแตกต่างจากวัดทั่วไป คือ มีเฉพาะเขตพุทธาวาส ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา เป็นวัดสำหรับพระมหากษัตริย์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ตามโบราณราชประเพณี วัดพระแก้วอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นนอก ทางทิศตะวันออก มีพระระเบียงล้อมรอบเป็นบริเวณ มียักษ์ทวารบาล เป็นตัวละครสำคัญในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตั้งอยู่บริเวณพระทวารพระระเบียงด้านในวัด

 

พระพุทธรูปประจำวัดพระแก้ว พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์สีเขียวดั่งมรกต เป็นพระพุทธรูปสกุลศิลปะก่อนเชียงแสนถึงศิลปะเชียงแสน พระราชประเพณีการเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต กระทำปีละ 3 หน คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูร้อน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูฝน วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 เพื่อทรงเครื่องสำหรับฤดูหนาว

 

สถานที่ตั้ง ถนนหน้าพระลาน เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. ชาวไทย เข้าชมฟรี ชาวต่างชาติ 500 บาท

 

การเดินทาง

ทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงเรือที่ท่าช้างเดินมาวัดพระศรีรัตนศาสดารามราชวรวิหารระยะทางประมาณ 300 เมตร ใช้เวลาประมาณ 4 นาที

ทางรถประจำทาง มีรถประจำทางที่ผ่านวัดพระศรีรัตนศาสดารามราชวรวิหาร คือ สาย 1, 3, 25, 32, 33, 59, 60, 70, 82, 91, 201, 203, ปอ. 2, 3, 6, 25, 32, 59, 60, 70, 82, 201

 

 

2. วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร

Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan, Bangkok, Thailand

ที่มา: https://th.m.wikipedia.org/อรุณราชวรารามวรมหาวิหาร

 

วัดอรุณราชวราราม หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันติดปากว่า วัดแจ้ง เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี มีจุดท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของกรุงเทพมหานครคือ พระปรางค์สีขาว ซึ่งตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในอดีตมีชื่อว่า “วัดมะกอกนอก” และในสมัยของพระเจ้าตากสิน มีการเปลี่ยนชื่อวัดแห่งนี้เป็น “วัดแจ้ง” เนื่องจากพระเจ้าตากสินได้ยกทัพกลับมาจากการออกศึกสงครามและเดินทางมาถึงบริเวณวัดอรุณฯ ในยามรุ่งแจ้ง จนล่วงมาถึงในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ได้ทรงทำการบูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นใหม่ทั้งวัด แต่แล้วได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนที่การบูรณะจะสำเร็จ จากนั้นรัชกาลที่ 2 จึงได้เข้ามาสานต่อการบูรณะจนสมบูรณ์ และทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 และมีการเปลี่ยนชื่อวัดจากวัดแจ้งมาเป็น "วัดอรุณราชธาราม" จากนั้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ได้มีการบูรณะวัดอรุณฯ ครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มีการอัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 มาบรรจุไว้ที่พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถ และได้ทำการเปลี่ยนชื่อวัดอีกครั้งเป็น “วัดอรุณราชวราราม” ซึ่งใช้มาจนถึงในปัจจุบันนี้

 

พระพุทธรูปประจำวัดอรุณราชวราราม พระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก มีลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยศิลปะยุครัตนโกสินทร์ มีความเชื่อกันว่าหุ่นพระพักตร์ของพระพุทธรูปองค์นี้ปั้นโดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ส่วนพระวรกายปั้นโดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 และที่ฐานของพระพุทธธรรมมิศราชโลกธาตุดิลก ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยอีกด้วย

 

สถานที่ตั้ง แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 7.30-17.30 น.คนไทยเข้าชมฟรี ต่างชาติ 100 บาท

 

การเดินทาง

ทางเรือ สามารถโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา ลงเรือที่ท่าเตียน จากนั้นขึ้นเรือข้ามฟากมายังท่าวัดอรุณ

ทางรถ จากถนนปิ่นเกล้า เลี้ยวเข้าถนนอรุณอมรินทร์ ผ่านหน้าโรงพยาบาลศิริราช วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร เลยมาถึงจะเห็นทางเข้าวัดอรุณฯ อยู่ถัดจากทางเข้าหอประชุมกองทัพเรือ

ทางรถประจำทาง สาย 1, 3, 4, 6, 9, 12, 25, 32, 44, 47, 48, 53 และ 82 โดยลงรถบริเวณท่าเตียน จากนั้นขึ้นเรือข้ามฟากมายังท่าวัดอรุณ

 

 

3. วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

Wat Rakhangkhositraram Woramahavihara, Bangkok, Thailand

ที่มา: http://www.dhammathai.org/watthai/bangkok/watrakhang.php

 

วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร หรือวัดระฆัง เป็นวัดโบราณที่สร้างในสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดบางว้าใหญ่ (หรือบางหว้าใหญ่) ในสมัยธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสร้างพระราชวังใกล้วัดบางว้าใหญ่ จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ และยกเป็นพระอารามหลวง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และได้ขุดพบระฆังลูกหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทรงสร้างระฆังชดเชยให้วัดบางว้าใหญ่ 5 ลูก จากนั้นได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดระฆังโฆสิตาราม” นอกจากเป็นเพราะขุดพบระฆังที่วัดนี้แล้ว ยังเพื่อฟื้นฟูแบบแผนครั้งกรุงศรีอยุธยาที่มีวัดชื่อวัดระฆังเช่นกัน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ “วัดระฆังโฆสิตาราม” เป็น “วัดราชคัณฑิยาราม” (คัณฑิ แปลว่าระฆัง) แต่ไม่มีคนนิยมเรียกชื่อนี้ ยังคงเรียกว่าวัดระฆังต่อมา

 

พระพุทธรูปประจำวัดระฆัง พระประธานยิ้มรับฟ้า เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ 4 ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก 3 องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก จนปรากฏว่าครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ได้มีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆัง พอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกแด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธานองค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา

 

สถานที่ตั้ง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-17.00 น.

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 57, 146 และ 177

ทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงเรือที่ท่าช้าง จากนั้นขึ้นเรือข้ามฟากมายังท่าวัดระฆัง

 

 

4.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์

Wat Phra Chetuphon Vimolmangklararm Rajworamahavihara (Wat Pho), Bangkok, Thailand

ที่มา: https://www.tripadvisor.co.il/-Wat_Phra_Chetuphon-Bangkok.html

 

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศด้วย เนื่องจากเป็นที่รวมจารึกสรรพวิชาหลายแขนง และทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจำโลกของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อ มีนาคม พ.ศ. 2551 และวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ทางยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนจารึกวัดโพธิ์จำนวน 1,440 ชิ้น เป็นมรดกความทรงจำโลกในทะเบียนนานาชาติ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพระเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจำนวนประมาณ 99 องค์ พระเจดีย์ที่สำคัญ คือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 

พระพุทธรูปประจำวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ พระพุทธเทวปฏิมากร เป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเดิมพระพุทธปฏิมาองค์นี้ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ที่วัดศาลาสี่หน้าหรือวัดคูหาสวรรค์ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม แล้วโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอุโบสถใหม่ แล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธเทวปฏิมากรมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่นี้พร้อมทั้งยังได้ทรงถวายนามใหม่ว่า "พระพุทธเทวปฏิมากร"

 

สถานที่ตั้ง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 18.30 น. คนไทยเข้าชมฟรี ต่างชาติ 100 บาท

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 1, 3, 4, 6, 9, 12, 25, 32, 44, 47, 48, 53 และ 82

ทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าเตียน จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 200 เมตร

 

 

5.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทอง

Wat Saket Rajworamahavihara /Temple of the golden mount , Bangkok, Thailand

ที่มา: https://rattanakosinislandguide.wordpress.com//วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

 

วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทองในยุคแรกนั้น มีชื่อว่า “วัดสะแก” สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำการปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติใน พ.ศ. 2325

 

พระพุทธรูปประจำวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร หรือวัดภูเขาทอง พระบรมสารีริกธาตุ ในพ.ศ. 2422 รัฐบาลอินเดียได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดได้จากเนินพระเจดีย์เก่าที่เมืองกบิลพัศดุ์ บรรจุอยู่ภายในผอบที่มีอักษร พราหมี หรือ เมาริยะ จารึกใว้ว่า "พระบรมสารีริกธาตุนี้ เป็นของพระพุทธเจ้า (สมณโคดม) ตระกูลศากยราช ได้รับแบ่งปันในเวลาถวายพระเพลิงพุทธสรีระ" ให้แด่รัชกาลที่ 5 จากนั้นจึงทรงโปรดเกล้าให้นำมาบรรจุใว้ในองค์พระเจดีย์ภูเขาทอง โดยเก็บรักษาเอาไว้ในเจดีย์ขนาดเล็ก และเปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการะบูชาได้โดยทั่วไป

 

สถานที่ตั้ง แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 08.00 – 18.00 น. คนไทยเข้าชมฟรี ต่างชาติ 50 บาท

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 8, 15, 37, 47, 49

 

 

6.วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร

Bowon Niwetwihan Ratchaworawihan Temple, Bangkok, Thailand

ที่มา: https://groottravel.com/uncategorized/วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร

 

วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมของไทยและจีนไว้ด้วยกัน เดิมชื่อว่า วัดใหม่ เป็นวัดที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล วังหน้าสมัยรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นใกล้กับวัดรังษีสุทธาวาส ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฏสมมติเทวาวงศ์ ทรงเสด็จมาครองวัดนี้ โดยพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดบวรนิเวศวิหาร” พร้อมตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายและบูรณะพระอุโบสถ ภายหลังในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้รวมวัดรังษีสุทธาวาสและวัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหารเข้าด้วยกัน

 

พระพุทธรูปประจำวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร พระอุโบสถประดิษฐานพระประธานสององค์ ได้แก่ พระพุทธสุวรรณเขต และพระพุทธชินสีห์ ใต้ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์เป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้ทรงเคยผนวช ณ วัดนี้ เมื่อยังทรงดำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร รวมทั้งมีพระรูปสมเด็จพระสมณเจ้า 2 องค์ คือ สมเด็จกรมพระยาปวเสศวิทยาลงกรณ์ และสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส

 

สถานที่ตั้ง ถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ เขตพระนคร จังหวัดกรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 - 18.30 น. โบสถ์เปิดเวลา 08.00 - 08.40 น. และ 20.00 - 21.00 น. ยกเว้นวันพระเปิด 08.00 - 12.00 น. และ 13.00 - 16.00 น.

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 3, 9, 64, 65, 53, 56, 68

ทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงที่ท่าพระอาทิตย์ เดินมาวัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร ระยะทางประมาณ 750 เมตร

 

 

7.วัดราชนัดดารามวรวิหาร

Wat Ratchanatdaram Woravihara, Bangkok, Thailand

ที่มา: https://www.trainandtravels.com/วัดสวยในกรุงเทพ

 

วัดราชนัดดารามวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น มีจุดเด่นที่ทำให้เป็นที่รู้จักจากโลหะปราสาท ซึ่งเป็นโลหะปราสาทแห่งเดียวในประเทศไทยและแห่งเดียวในโลกที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2389 หรือในช่วงปลายของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดยตัววัดสร้างขึ้นบนสวนผลไม้เก่า เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ ซึ่งพระราชทานเป็นเกียรติแก่พระราชนัดดา คือ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี โดยสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ในวัดราชนัดดารามเป็นแบบไทย พระอุโบสถมีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันลงรักปิดทอง และประดับด้วยกระจกอย่างงดงาม

 

พระพุทธรูปประจำวัดราชนัดดารามวรวิหาร พระเสฏฐตมมุนี เป็นพระพุทธปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ ขนาด หน้าตัก 7 ศอก วัสดุทองแดงปิดทอง สร้างขึ้นด้วยรูปแบบศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ โดยใช้แร่ทองแดงที่ขุดได้จากอำเภอจันทึก จังหวัดนครราชสีมา โดยชื่อ “พระเสฏฐตมมุนี” นั้นได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4

 

สถานที่ตั้ง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 - 20.00 น. การเก็บค่าเข้าชมจะมีเฉพาะของชาวต่างชาติบริเวณโลหะปราสาท 20 บาท

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 9, 44, 39, 59 และ 509

 

 

8.วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม

Wat Benchamabophit Dusitvanaram, Bangkok, Thailand

ที่มา: https://thai.tourismthailand.org/วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร

 

วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากความงดงามของพระอุโบสถที่สร้างด้วยหินอ่อน ผสมผสานกับรูปแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยที่ลงตัว ในอดีตมีชื่อว่า “วัดแหลม” ซึ่งเป็นวัดของราษฏรทั่วไป แต่เมื่อมีเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ขึ้นในสมัยรัชกาล ที่ 3 พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพนมวัน กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ทรงเป็นแม่ทัพรักษาพระนคร โดยทรงตั้งกองบัญชาการทัพที่วัดแหลมแห่งนี้ ภายหลังจากการปราบกบฏเสร็จสิ้น กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พร้อมพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกันอีก 4 พระองค์ มีความประสงค์ร่วมกันที่จะบูรณปฏิสังขรณ์วัดแหลม และเมื่อการบูรณะเสร็จสิ้น วัดแหลมจึงได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเบญจบพิตร” ซึ่งหมายความว่า วัดของเจ้านาย 5 พระองค์

 

พระพุทธรูปประจำวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม พระพุทธชินราชจำลอง โดยในคราวแรก หลังจากที่มีการสถาปนาวัดเบญฯ ขึ้นเป็นพระอารามหลวงประจำพระราชวังดุสิต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะอัญเชิญพระพุทธชินราชจากพิษณุโลก ไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม แต่ด้วยเหตุที่พระพุทธชินราชไม่เคยถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ที่แห่งใดเลย และทรงเกรงว่าเมื่อราษฎรชาวพิษณุโลกทราบข่าวการอัญเชิญพระพุทธชินราชไปประดิษฐานยังกรุงเทพมหานครจะพากันเศร้าโศก จึงมีพระราชดำริที่จะหล่อพระพุทธชินราช (จำลอง) ขึ้นแทน โดยมีการหล่อพระพุทธชินราช (จำลอง) ขึ้น ณ โพธิ์สามเส้า ซึ่งก็คือบริเวณเดิมที่มีการหล่อพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดาขึ้น หลังจากนั้นจึงอัญเชิญพระพุทธชินราช (จำลอง) ลงแพแล้วล่องลงมายังกรุงเทพมหานคร เพื่อประดิษฐาน ณ วัดเบญจมบพิตร

 

สถานที่ตั้ง แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 8.30-17.30 น. คนไทยเข้าชมฟรี ต่างชาติ 20 บาท

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 5, 72 และ 503

 

 

9.วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร

Wat Devaraj Kunchon Warawihan , Bangkok, Thailand

ที่มา:https://th.wikipedia.org/วัดเทวราชกุญชร

 

วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เดิมเป็นวัดราษฎร์สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่า “วัดสมอแครง” เล่ากันว่าเพราะมีต้นสมอร่องแร่งมาก บ้างก็สันนิษฐานว่า “สมอ” เพี้ยนมาจากคำว่า “ถมอ” (ถะมอ) เป็นภาษาเขมรแปลว่า “หิน” วัดนี้คงเรียกกันครั้งแรกว่า “ถมอแครง” ซึ่งแปลว่า “หินแกร่ง”

 

สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่ 1 ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ต่อมา สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระโอรสของสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีของรัชกาลที่ 1 (ต้นสกุลมนตรีกุล) ทรงบูรณะต่อ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษเทเวศร์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 (ต้นราชสกุลกุญชร) ทรงอุปถัมภ์ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ์ พระโอรสทรงอุปถัมภ์ต่อ หลังจากนั้นเจ้านายผู้สืบสกุลกุญชรให้ความอุปถัมภ์โดยลำดับ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามว่า “วัดเทวราชกุญชร” โดยคำว่า “เทวราช” แปลว่า “พระอินทร์” มานำหน้าพระนามของพระองค์เจ้ากุญชร ซึ่งแปลว่า “ช้าง” รวมความแล้วแปลว่า“ช้างพระอินทร์” ปัจจุบันกรมศิลปากรจดทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญ อีกทั้งภายในวัดยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ไม้สักทอง วัดเทวราชกุญชรฯ ซึ่งเป็นอาคารทรงไทยแบบสถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส สร้างด้วยไม้สักทอง ตามแบบดั้งเดิมทั้งหลัง

 

พระพุทธรูปประจำวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร พระพุทธเทวราชปฏิมากร พระประธานประจำพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปโลหะหล่อ ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 4.35 เมตร ปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยทวารวดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า “พระพุทธเทวราชปฏิมากร” พระพุทธรูปองค์นี้ มีประวัติว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบว่า กรุงศรีอยุธยาพบพระทององค์ใหญ่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพระพิทักษ์เทเวศรไปอัญเชิญลงมายังพระนคร โดยทางน้ำ ครั้นถึงปากคลองเทเวศร์ แพที่อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ฉุดเท่าไรก็ไม่มายังตำหนักแพ จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นที่วัดสมอแครง

 

การถวายเครื่องสักการะแด่องค์พระพุทธเทวราชปฏิมากร นับว่าแปลกกว่าวัดอื่นๆ เนื่องจากพุทธศาสนิกชนนิยมถวาย “ผ้าไตร” แทนดอกไม้ธูปเทียน นับเป็นวัดแรกในประเทศไทยที่มีการนำผ้าไตรมาเป็นเครื่องสักการะพระพุทธรูปที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ให้ผลสัมฤทธิ์ตามที่ปรารถนา มาจนทุกวันนี้

 

สถานที่ตั้ง แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

เปิดให้เข้าชม ทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-10.00 น.

 

การเดินทาง

ทางรถประจำทาง สาย 3, 9, 16, 30, 32, 33, 49, 64, 65 ปอ.5, ปอ.6, ปอ.16, ปอ.49

ทางเรือ สามารถเดินทางโดยเรือด่วนเจ้าพระยา ลงท่าน้ำเทเวศร์ วัดเทวราชกุญชรจะอยู่ซ้ายมือ

 

 

รวบรวมมาจนครบทั้ง 9 วัดแล้ว เป็นไงบ้างคะ วันแม่ปีนี้สาว ๆ คนไหนยังหากิจกรรมร่วมกับคุณแม่ยังไม่ได้ ก็ลองไปไหว้พระในกรุงเทพดูนะคะรับรองว่าทั้งสนุกและอิ่มใจอย่างแน่นอนค่ะ ส่วนเรื่องการแต่งกาย ควรแต่งกายให้สุภาพ เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่ด้วย ชุดสวยแล้วต้องสุภาพด้วยนะคะ สำหรับวันแม่ปีนี้ พี่เลดี้ก็ขอให้คุณแม่และคุณลูกทุกคน มีความสุขมาก ๆ สุขภาพเเข็งแรงนะคะ สำหรับวันนี้พี่เลดี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ….